อาหารสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันในภาวะที่มีการระบาดของโควิด-19
ในปัจจุบันมีงานวิจัยที่ชัดเจนว่าตำรับอาหารมีความสัมพันธ์กับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยที่มีภาวะทุพโภชนาการ หรือขาดสารอาหาร มักมีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่ดี และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสเอดส์ที่มีการบริโภคอาหารที่มีคุณภาพสูง มีชีวิตยืนยาวและลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อน
ข้อมูลทั้งหมดนี้มาจากหนังสือ “อาหารสมุนไพร เสริมภูมิคุ้มกัน ในภาวะที่มีการระบาดของโควิด-19” โดยกลุ่มงานเภสัชกรรมและกลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
หน่วยงานทั้งในและต่างประเทศต่างสนับสนุนให้ใช้หลักการทางโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีเพื่อการป้องกันโควิด-19 เพราะหลักการนี้ได้ผ่านการศึกษาวิจัยและปฏิบัติมาอย่างยาวนาน พบว่าการบริโภคผัก ธัญพืช ผลไม้ในสัดส่วนที่มากกว่าอาหารประเภทอื่น ส่วนการบริโภคอาหารโปรตีนประเภทปลา เนื้อสัตว์ไร้ไขมัน จะให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์และช่วยคงสภาพน้ำหนักให้เป็นปกติ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารเค็ม หวานและมันจัด ดื่มน้ำในปริมาณพอเพียงตลอดทั้งวัน ร่วมกับการออกกำลังกาย พักผ่อนนอนหลับที่เพียงพอ และลดความเครียด รวมทั้งเลิกพฤติกรรมเสี่ยง ได้แก่ เลิกบุหรี่และสุรา สิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นเกราะป้องกันสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ จากการสำรวจพนักงานบริษัทในเมืองของประเทศไทย พบว่า ส่วนใหญ่ได้รับวิตามินและเกลือแร่ไม่พอ ดังนั้น การรับประทานผักและผลไม้ ที่นอกจากจะได้รับวิตามินและเกลือแร่ เพื่อเสริมส่วนที่ขาดแล้ว ยังได้พฤกษเคมีที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะช่วงเวลานี้
การระบาดของโควิด-19 เป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การประยุกต์ใช้หลักฐานทางวิชาการที่มีอยู่ร่วมกับทรัพยากรที่มีในประเทศเป็นสิ่งที่อาจทำได้ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ในเอกสารฉบับนี้นอกจากการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำปกติแล้ว จะมีคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการนำสมุนไพรมาใช้เพิ่มเติม โดยเฉพาะสำหรับการป้องกันและทำให้ร่างกายมีสุขภาพดีตลอดช่วงการระบาดของโควิด-19 และในอนาคตอาจนำคำแนะนำนี้ไปประยุกต์ใช้กับการระบาดของไวรัสชนิดอื่นๆ ได้ด้วย
งานวิจัยที่ผ่านมาพบว่า การเสริมวิตามินบางชนิดมีส่วนช่วยในการลดอัตราการติดเชื้อในทางเดินหายใจ ลดความรุนแรงและระยะเวลาของการเจ็บป่วย ดังรายละเอียดด้านล่าง
ธาตุสังกะสี
จากการทบทวนงานวิจัยอย่างเป็นระบบพบว่า การเสริมแร่ธาตุบางชนิดมีส่วนช่วยในการลดการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนลง 35% ช่วยลดระยะเวลาการป่วยได้ประมาณ 2 วัน และทำให้หายป่วยเร็วขึ้น โดยขนาดของธาตุสังกะสีที่ใช้ในการศึกษาคือ 20 มิลลิกรัม/สัปดาห์ ถึง 92 มิลลิกรัม/สัปดาห์ นอกจากนั้นยังพบว่า ปริมาณของธาตุสังกะสีที่พอเพียงในร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี ลดโอกาสติดเชื้อไวรัส
วิตามินซี
ถึงแม้ว่าจากการทบทวนงานวิจัยอย่างเป็นระบบ อาจยังไม่สามารถสรุปได้ว่า วิตามินซีช่วยป้องกันหรือรักษาหวัดได้ แต่การเสริมวิตามินซีก็อาจมีประโยชน์อยู่บ้างในบุคคลบางกลุ่ม เนื่องจากวิตามินซี มีบทบาทในร่างกายหลายอย่างตั้งแต่การต้านอนุมูลอิสระ การลดการอักเสบ และการซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายจากการติดเชื้อ มีการศึกษาในหลายประเทศพบว่าการเสริมวิตามินซีช่วยลดอุบัติการณ์ การเกิดการ ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ และยังพบว่าวิตามินซีช่วยลดระยะเวลาที่ผู้ป่วยอยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤตและลดความจำเป็นในการใช้เครื่องช่วยหายใจ ขนาดของการเสริมวิตามินซีอยู่ที่ 1-3 กรัม/วัน แต่อย่างไรก็ตามมีคำแนะนำว่าไม่ควรใช้ขนาดสูงเกิน 2 กรัม/วัน
วิตามินดี
มีการศึกษาหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่าการเสริมวิตามินดีช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันลงประมาณ 12% ถึง 75% ซึ่งการศึกษาที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์รวมถึงการติดเชื้อในช่วงที่มีการระบาดของ H1N1 ในปี 2009 พบว่าการเสริมวิตามินดีทำให้อาการลดลงและทำให้หายเร็วขึ้น โดยขนาดวิตามินดีที่ใช้มากกว่า 1000 IU แต่ประโยชน์ของวิตามินดีจะชัดเจนมากในผู้ป่วยที่ขาดวิตามินดีหรือมีปริมาณวิตามินดีในเลือดต่ำกว่าปกติ
การเสริมสารอาหารหรือวิตามินในรูปแบบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปขนาดสูงนั้น ควรทำในกรณีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าขาดสารอาหารนั้นๆ เท่านั้น เพราะการได้รับสารอาหารหรือวิตามินมากเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ จึงควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ แต่การเสริมในรูปแบบของอาหารที่มีวิตามิน แต่ละชนิดเด่นๆ สามารถทำได้ในระดับประชาชน และยังมีการศึกษาอีกว่าสารอาหารหลายชนิดที่มีในอาหารจะมีส่วนเสริมให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
นอกจากงานวิจัยที่ผ่านมาเกี่ยวกับการ ติดเชื้อในทางเดินหายใจที่สามารถนำมาปรับใช้กับการระบาดของโควิด-19 ปัจจุบันมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโภชนาการทั่วโลกได้ออกมาให้คำแนะนำในการบริโภคอาหารบางประเภทในสัดส่วนที่มากขึ้น ได้แก่
นมและผลิตภัณฑ์จากนม
ในทางภูมิคุ้มกันวิทยาพบว่า ในน้ำนมมี สารที่ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน เช่น immunoglobulin lactoferrin, lactalbumin และ glycopeptides เป็นต้น โดย lactoferrin มีฤทธิ์ปรับภูมิคุ้มกันที่ส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ในภูมิคุ้มกันหลายชนิด เช่น lymphocytes และ macrophages ที่จะมีผลในการจดจำการติดเชื้อไวรัส นอกจากนั้นแล้ว lactoferrin ยังสามาถจับกับจุดที่ไวรัสผ่านเข้าเซลล์ ทำให้ไวรัสไม่สามารถผ่านเข้าเซลล์ได้ ส่วน α-lactalbumin อาจช่วยปรับการทำงานของแบคทีเรียดีในลำไส้ จึงมีผลช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดี Chinese Centre for Disease Control and Prevention’s (CDC) ร่วมกับ National Institute for Nutrition and Health, the Chinese Medical Doctor Association ได้ระบุว่าปกติการบริโภคนมของจีนนั้นอยู่ในปริมาณต่ำอยู่แล้ว จึงแนะนำให้ มีการบริโภคน้ำนมประมาณ 300 กรัม/วัน หรือเทียบเท่ากับ 37.5 กรัมของนมผง หรือ ชีส 30 กรัม ปริมาณดังกล่าวน่าจะมีประโยชน์ในการช่วยปรับให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้น ในกรณีของหญิงตั้งครรภ์หรือหญิงให้นมบุตร การบริโภคน้ำนมควรเพิ่มเป็น 500 กรัม หรือผลิตภัณฑ์นม 350 ถึง 500 กรัม ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีควรได้รับนมแม่จะดีที่สุด แต่หากไม่สามารถให้นมแม่ได้ น้ำนมจากแหล่งอื่นก็สามารถใช้ได้ อย่างไรก็ตามมีบางงานวิจัยพบว่านมมีสารก่อให้เกิดการแพ้ ดังนั้นในผู้ที่แพ้ อาจเลือกรับประทานนม จากแหล่งอื่นได้

อาหารที่มีโปรตีนสูง
โปรตีนเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบภูมิคุ้มกัน การบริโภคอาหารโปรตีนคุณภาพดี เช่น ไข่ ปลา และเนื้อแดงเป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ผัก ผลไม้สด ผลไม้ตระกูลเบอร์รี กระเทียมและหัวหอม เป็นต้น อาหารเหล่านี้ อุดมไปด้วยวิตามินซี เอ และอี ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
อาหารที่มีวิตามินซีสูง
อาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะขามป้อม กีวี่ บร็อกโคลี สตอเบอร์รี กะหล่ำดาว เกรปฟรุต แคนตาลูป กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก
มะขามป้อม – https://pixabay.com/photos/337445/ บรอกโคลี – https://pixabay.com/photos/4750593/ กะหล่ำปลี – https://pixabay.com/photos/4276765/
อาหารที่มีวิตามินเอสูง
อาหารที่มีวิตามินเอสูง เช่น ตับวัว มันหวาน ผักโขม แคร์รอต แคนตาลูป พริก มะม่วง ไข่ ถั่วดำ
อาหารที่มีวิตามินอีสูง
อาหารที่มีวิตามินอีสูง เช่น เมล็ด-ทานตะวัน อัลมอนด์ เนยถั่ว ถั่วลิสง ผักโขม จมูกข้าว น้ำมันทานตะวัน น้ำมันคำฝอย มะเขือเทศ
อาหารต้านการอักเสบ
อาหารที่มีคุณค่าทางยาและอาหารสูง ที่เรียกว่า ซุปเปอร์ฟู้ด (superfood) เช่น ขมิ้นชัน องุ่นดำและผลไม้ตระกูลเบอร์รี มะเขือเทศ น้ำมันมะกอก ถั่ว ผักที่มีสีเขียวเข้ม มันหวาน ส้ม ชาเขียว ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี น้ำผึ้ง และปลา21 มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
อาหารที่มีวิตามินดีสูง
การศึกษาหลายชิ้นพบว่า การเสริมวิตามินดี สามารถลดความเสี่ยงของไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ หลักฐานที่สนับสนุนว่าวิตามินดีน่าจะมีส่วนช่วยในสถานการณ์โควิด-19 คือ การเกิดการระบาดในช่วงหน้าหนาว เป็นช่วงที่ระดับวิตามินดีในเลือดต่ำ อัตราการตายของการติดเชื้อในทางเดินหายใจสัมพันธ์กับปริมาณวิตามินดีในร่างกาย20 การกินอาหารที่มีวิตามินดีอาจช่วยได้ เช่น ทูน่า ปลา เห็ด นม (รวมถึงนมอื่นๆ ที่เสริมวิตามินดี) ไข่ โยเกิร์ต ธัญพืชต่างๆ
อาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีสูง
อาหารที่มีสังกะสีสูง เช่น เนื้อวัวย่าง ขนมพายเนื้อ เนื้อหมูสันติดกระดูก ไก่ ถั่ว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดฟักทอง โยเกิร์ต ช่วยลดความรุนแรงการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ
อาหารปรับอารมณ์
ซอสแอปเปิ้ล ขนมปังโฮลวีท กรีกโยเกิร์ตใส่ขิงและข้าวโอ๊ต ชาขิง ชาเปปเปอร์มินท์ ช่วยคลายกังวลจากความตึงเครียด ทำให้อารมณ์ดี
อาหารที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศ
เครื่องเทศหลายชนิดมีงานวิจัยช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เช่น พริกไทย มีการศึกษาในอิตาลี ปี 2019 พบว่า การบริโภคอาหารที่มีพริกไทยสัปดาห์ละ 4 วัน จะช่วยลดอัตราการตาย ส่วนการศึกษาในจีน ปี 2015 พบว่า การบริโภคพริกมีความสัมพันธ์กับการลดอัตราตาย ผู้ที่บริโภคเครื่องเทศเกือบทุกวันจะมีอัตราการตายลดลง 14% เมื่อเทียบกับผู้ที่บริโภคเครื่องเทศน้อยกว่า 1 วัน/สัปดาห์ ซึ่งจากการศึกษาเหล่านี้ดำเนินการใช้เวลาหลายปี จึงมีความน่าเชื่อถือสูง ดังนั้นการเพิ่มเครื่องเทศในอาหารจึงจำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ
อาหารที่มีผลต่อจุลินทรีย์ดีในลำไส้ (โปรไบโอติกส์)
ฐานข้อมูล Cochrane ในปี 2015 พบว่า การบริโภคอาหารที่มีโปรไบโอติกส์ ช่วยลดอัตราการติดเชื้อทางเดินหายใจลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ประโยชน์ของจุลินทรีย์โปรไบโอติกส์ในด้านภูมิคุ้มกันนั้นเป็นที่ยอมรับกันว่า จุลินทรีย์- โปรไบโอติกส์ สามารถกระตุ้นเซลล์ macrophage และเพิ่มการสร้าง IgA ที่ระบบทางเดินอาหาร ส่งผลต่อการหลั่ง cytokines ชนิดต่างๆ ได้ ผ่านระบบภูมิคุ้มกันที่เยื่อเมือกหรือเยื่อบุ (mucosal immune response) นอกจากนี้จุลินทรีย์โปรไบโอติกส์ยังส่งผลต่อการทำงานของ regulatory T cells ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการปรับภูมิคุ้มกันของร่างกาย อาหารที่มีโปรไบโอ-ติกส์สูง ได้แก่ ข้าวหมาก เทมเป้ ผักดอง ทั้งนี้ควรเลือกอาหารที่ดองเอง
นอกเหนือจากการบริโภคอาหารที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เอกสารฉบับนี้ยังได้รวบรวมสมุนไพรที่มีหลักฐานทางวิชาการในการเสริมภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบและต้านไวรัส (ไม่เพียงเฉพาะไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019) จำนวน37 ชนิด เพื่อพิจารณาเลือกใช้เป็นส่วนผสมหลักในอาหารที่บริโภคทุกวัน สมุนไพรเหล่านี้ควรบริโภคด้วยความหลากหลาย โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร ในสมุนไพรบางรายการ ยังไม่มีรายงานความปลอดภัย ดังนั้นควรบริโภคในรูปแบบของอาหาร และหลากหลาย จะปลอดภัยที่สุด