เลือกรับประทานวิตามินแบบไหนให้ได้ประโยชน์
ไม่ว่าเราจะไปร้านสะดวกซื้อที่ไหนก็จะพบกับเครื่องดื่มสุขภาพต่าง ๆ มากมายโดยเฉพาะวิตามิน โดยครั้งนี้เราจะมาทำความรู้จักกับวิธีเลือกรับประทานวิตามินเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด

สภาพแวดล้อมและการใช้ชีวิตในแบบปัจจุบัน วิตามินเสริมมีความจำเป็นกับร่างกาย และเซลล์ในร่างกายของเรามีการทำงานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเซลล์ของเราต้องการสารอาหารที่ให้พลังงานและสารอาหารที่ทำให้เซลล์ทำงานได้หล่อลื่นเช่นกัน ด้วยภาวะเร่งรีบในปัจจุบันทำให้การบริโภคอาหารประเภทเดียวซ้ำไปซ้ำมาขาดความหลากหลายทางโภชณาการส่งผลให้เซลล์ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ร่างกายจึงอ่อนล้าเพราะระบบในร่างกายขาดความสมดุล
ก่อนการเลือกรับประทานวิตามิน
ทางที่ดีที่สุดก่อนการเลือกรับประทานวิตามินให้เราเจาะเลือดตรวจดูก่อนนะคะว่าเราพร่องในวิตามินหรือสารอาหารส่วนไหนบ้าง ส่วนคุณผู้รักสุขภาพท่านไหนที่ยังไม่มีเวลาในการตรวจเลือดในลักษณะนี้ก็เลือกวิตามินรวมและมองหา RDA ให้ได้ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน
ข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการเลือกรับประทานวิตามิน
หากเป็นคนที่ไม่ดื่มนมเลย ร่างกายจำเป็นจะต้องใช้แคลเซียมจากแหล่งอื่น เพราะฉะนั้นในการเลือกเสริมแคลเซียมก็ต้องมีแคลเซียมอย่างน้อย 800 มิลลิกรัมในผลิตภัณฑ์นั้น
ชอบรับประทาน Junk food และสูบบุหรี่จัด
สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่จัดและยังชอบรับประทาน Junk food ด้วยแล้ว ร่างกายจะมีความต้องการวิตามินซีสูงมาก ซึ่งควรจะรับประทานวิตามินซีเสริมอย่างน้อยวันละ 60 มิลลิกรัม หรือสามารถรับประทานสูงสุดได้ถึงวันละ 1,000 มิลลิกรัมเลยนะคะ
คุณผู้หญิง
วิตามมินอีเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่มีการใช้เยอะมาก รวมถึงผู้ที่ปัญหาโรคหัวใจหลอดเลือดก็จะได้รับประโยชน์จากการรับประทานวิตามินอีมาก ส่วนในคุณผู้หญิงก็ควรได้รับวิตามินอีประมาณวันละ 10 มิลลิกรัมเป็นอย่างน้อยและไม่ควรรับเกินวันละ 450 มิลลิกรัม
วิตามินบีรวม
หนุ่มสาวชาวออฟฟิศหรือผู้ที่ต้องใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลาจะต้องการเสริมวิตามินบีรวมนี้ด้วย โดยปริมาณที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 5,000 มิลลิกรัมต่อวัน และควรรับประทานก่อนอาหารเพื่อการดูดซึมที่ดี
วัยไหนควรรับประทานวิตามินอะไรบ้าง
การเลือกรับประทานวิตามินสำหรับเด็ก
คุณผู้ปกครองที่กำลังใส่ใจสุขภาพเด็ก ๆ กันอยู่อาจจะมีความสงสัยว่าสำหรับเด็กแล้วมีความจำเป็นมากแค่ไหนที่จะต้องรับประทานวิตามินเสริม ก็ต้องบอกว่ามีความจำเป็นเช่นกันค่ะ และในเด็กวัยที่อายุต่ำกว่า 20 ปีที่มีความต้องการเจริญเติบโตทางร่างกายสูงมาก ซึ่งวิตามินที่แนะนำก็คือวิตามินซีและวิตามินดีเพื่อเสริมสร้างแคลเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัสในร่างกาย
วัยทำงาน
วัยทำงานระหว่างอายุ 20 – 40 ปี ร่างกายจะต้องเสริมวิตามินบีรวมเพื่อเสริมสร้างการทำงานของสมอง ระบบประสาทส่วนกลาง หัวใจ เม็ดเลือดแดง และระบบภูมิคุ้มกัน
อายุ 40 ขึ้นไป
ในวัย 40 ขึ้นไปจะเป็นช่วงที่ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งวิตามินที่เหมาะกับผู้ที่อยู่ในช่วงวัยนี้ก็จะเป็นวิตามินซีและวิตามินอีค่ะ
คำแนะนำในการเลือกซื้อวิตามินต่าง ๆ
ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนนะคะว่าเราต้องการที่จะรับประทานวิตามินเพื่ออะไร เมื่อเรารู้วัตถุประสงค์การรับประทานวิตามินแล้วเราก็สามารถเลือกรับประทานวิตามินให้เหมาะกับกิจกรรมของเรา
หลังจากที่เรารู้ความต้องการของร่างกายที่จะเสริมวิตามินตัวไหนบ้างแล้ว เราก็ต้องรู้จักกับแหล่งที่มาของวิตามิน มีการรับรองหรือไม่ ยี่ห้ออะไร มีการขึ้นทะเบียน และมีสัญลักษณ์ อย. จากองค์การอาหารและยาอย่างถูกต้องนะคะ โดยเฉพาะเครื่องหมาย อย. นี้สำคัญมากค่ะ เพราะจะมีคนที่แอบอ้างขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากมายวาได้รับ อย. จากประเทศนั้นประเทศนี้ แต่ไม่มี อย. ประเทศไทย โดยหากไม่มีเครื่องหมาย อย. ในไทยแล้วไม่ควรเสี่ยงเด็ดขาดค่ะ และถึงแม้จะมีเครื่องหมาย อย. แล้วก็สามารถตรวจสอบว่าเป็นเครืองหมาย อย. ที่ถูกต้องหรือไม่จากเว็บไซต์นี้ได้เลยนะคะ
ตรวจสอบหมายเลข อย.
http://pca.fda.moph.go.th/service.php
สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็คือการเลือกขนาดบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม เพราะวิตามินแต่ละชนิดจำเป็นต้องเก็บรักษาต่างกันออกไป อย่างเช่นวิตามินซีหรือบีเมื่อโดนแดดจะมาการเสื่อมสภาพ ฉะนั้นบรรจุภัณฑ์ของวิตามินประเภทนี้จะต้องมาในฟอยหรือขวดสีชา
ขนาดของบรรจุภัณฑ์และวันหมดอายุ เพราะเมื่อวิตามินถูกเปิดออกมาและสัมผัสกับอากาศแล้วจะมีอายุประมาณ 3 – 4 เท่านั้น
ทั้งหมดนี้เป็นเคล็ดง่าย ๆ ในการเลือกซื้อวิตามินสำหรับเสริมให้กับร่างกายเพื่อไม่ให้สูญเงินไปเปล่านะคะ และแวะมาคุยเรื่องสุขภาพกับนกได้ที่แฟนเพจ Facebook: Health Society by Nok Chalida ที่อินสตาแกรม NokHealthSo หรือ Line Official: @HealthSocieity นะคะ และอย่าลืม Subscribe รายการ Health Society by Nok Chalida ทาง YouTube พร้อมชมรายชมรายการ “เฮลท์โซไซตี้” ด้วยกันนะคะ