โรคเหงาระบาดได้ อันตรายกว่าที่คิด

หากเรามีเพื่อนหรือคนรอบตัวที่มีอาการเหงา เศร้า ที่ไม่ได้เป็นเพียงการโพสต์ลอย ๆ บนโซเชียลมีเดียเป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้เลยนะคะ โดยเฉพาะคนที่ปกติอยู่ในภาวะแวดล้อมที่ไม่ควรเหงาเลย หากเราได้เห็นสัญญาณลักษณะนี้อย่าเพิ่งเบื่อเพื่อนเชียวนะคะ เพราะความเหงาเป็นอันตรายกว่าที่เราคิดมาก

หากเปรียบความเหงาก็คล้ายกับบรรยากาศเทา ๆ รอบตัว ซึ่งความเหงาสามารถติดต่อกันได้ด้วยนะคะ โดยข้อมูลนีั้มาจากการศึกษามาแล้วว่าเมื่อเราอยู่ในบรรยากาศที่เหงาซึมเศร้า แล้ว บรรยากาศของความเหงาและความเศร้าก็จะซึมซับเข้าสู่ตัวเราได้ด้วย

ความเหงานอกจากจะทำให้เราแยกตัวออกจากเพื่อนฝูงแล้ว ความเหงายังบั่นทอนสุขภาพของเราและก่อให้เกิดโรคตามมาได้อีกหลายโรคเลยค่ะ

ความเหงาอันตรายเท่ากับสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน

หากเราปล่อยให้เราเหงาอย่างรุนแรงอยู่ตลอดเวลา สุขภาพของเราจะทรุดโทรมเท่ากับกันที่สูบบุหรี่วันละ 15 มวนเลยค่ะ ซึ่งความเหงาสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย

ความเหงาที่เกิดในไวรุ่นมีโอกาสที่จะกระตุ้นภาวะอักเสบเรื้อรังให้เกิดขึ้นกับร่างกาย ส่วนความเหงาในผู้ที่อายุมากนอกจากจะกระตุ้นให้ภาวะอักเสบเกิดขึ้นในร่างกายแล้วยังทำให้โรคที่อาจจะมีอยู่แล้วในผู้สูงอายุแย่ลงกว่าเดิม อย่างเช่นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด รวมไปถึงโรคมะเร็งด้วยค่ะ

ความเหงามักมาพร้อมกับความเครียด โดยเมื่อเราเกิดความเหงาขึ้นมา ร่างกายของเราจะเข้าสู่ภาวะเครียด และส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือด กระบวนการในการรับรู้ต่ำลง สมาธิสั้นลง

นอกจากนี้ความเหงายังเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคอัลไซเมอร์ โดยความเหงาจะไปกระทบกับสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้ความสามารถในการทำงานของสมองลดลงประมาณ 20% ความจำของเราก็จะเสื่อมถอยลง 12 ปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่เสื่อมถอยลงเร็วกว่าที่ควรจะเป็นมาก ๆ ค่ะ

ความเหงาทำให้เราออกห่างจากผู้คน ขาดการปฏิสัมพันธ์ เมื่อไม่มีการสื่อสาร การปฏิสัมพันธ์บนโลกแห่งความเป็นจริง


หากเกิดความเหงาขึ้นกับเราเล็กน้อยเป็นครั้งคราวก็ไม่มีปัญหาอะไรกับร่างกายระยะยาวค่ะ แต่หากความเหงาเกิดขึ้นกับเราบ่อยครั้งซ้ำ ๆ กระทั่งกลายเป้นความเหงาเรื้อรังขึ้นมา ลักษณะนี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเรานะคะ และยังอาจทำให้เกิดพฤติกรรการทำร้ายตัวเอง ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ที่ร้ายแรงที่สุดอาจจะถึงขั้นฆ่าตัวตายได้เลยค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าเหงากันเลยนะคะ

นางสาวไทยปี 2541 จบปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์การชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง รวมถึงสอบผ่านมาตรฐานผู้มีวิชาชีพด้านสุขภาพวิทยาศาสตร์ชะลอวัยจาก American Board Anti-Aging Health Practitioner สถาบัน A4M และปัจจุบันกำลังศึกษาต่อปริญญาเอกด้าน Anti Aging and Regenerative Science ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
ติดตามความเห็น
รูปแบบการแจ้งเตือน
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments