Introduction สู่ชีวิตชะลอวัย
พี่นกบันทึกพอดแคสต์ Health Society by Nok Chalida ไว้หลายช่องทาง
สามารถเลือกช่องทางที่สะดวกได้เลยนะคะ
เวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) คืออะไร
เมื่อได้ยินเรื่องเวชศาสตร์ชะลอวัยหรือ Anti-Aging คุณผู้สนใจในเรื่องนี้หลาย ๆ ท่านอาจจะนึกถึงเรื่องของการย้อนวัย การฉีดโบท็อก ฟิลเลอร์ หรือทำยังไงให้มันตึง ให้มันสาว ให้มันสวย ซึ่งเรื่องเหล่านั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเวชศาสตร์ชะลอวัยเองนะคะ เพราะความหมายของเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) ก็คือการดูแลร่างกายของเราจนถึงระดับเซลให้มีสุขภาพสมบูรณ์สูงสุดถึงขั้นที่เรียกว่า “ออปติมอล” (Optimal Health)
เวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging) ก็คือการดูแลร่างกายของเราจนถึงระดับเซลให้มีสุขภาพสมบูรณ์สูงสุด
เวชศาสตร์ชะลอวัยหรือ Anti-Aging เนี่ยแบ่งเป็นเรื่องของสารอาหาร (Nutrition) เรื่องของฮอร์โมน (Hormones) การออกกำลังกาย (Exercise) เรื่องของการนอนหลับ (Sleep) และการรับมือกับความเครียด (Stress Reduction)
➀ สารอาหาร
➁ ฮอร์โมน
➂ ออกกำลังกาย
➃ นอนหลับ
➄ ความเครียด
สารอาหาร
เรื่องของสารอาหารที่เกี่ยวกับศาสตร์การชะลอวัยก็จะมีทั้งแรื่องของกรดอมิโน วิตามิน เกลือแร่ ฮอร์โมน สารสื่อประสาท สารแอนติอ็อกซิแดนซ์ ซึ่งเมื่อร่างกายของเรามีสารเหล่านี้อยู่ในระดับที่สมบูรณ์สูงสุด ร่างกายก็จะทำงานได้อย่างเต็มที่ทั้งในเรื่องของการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การเยียวยาตนเอง หรือทำงานทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ สามารถป้องกันตัวเองได้จากความเสื่อมและการถูกทำลายจากมลภาวะต่าง ๆ
เมื่อเซลล์ทำงานได้เต็มที่ โอกาสที่เซลล์จะเสื่อมสภาพหรือแก่ก่อนวัย บาดเจ็บ หรือสึกหรอ ก็จะลดน้อยลง เหล่านี้เรียกว่าการชะลอวัยค่ะ ไม่ใช่เรื่องของการไม่แก่ ทุกคนต้องแก่ แต่ความแก่ที่เกิดขึ้นต้องเป็นไปตามเวลาที่เหมาะสมนะคะ
ฮอร์โมน
ฮอร์โมนเปรียบได้กับน้ำพุแห่งความอ่อนเยาว์นะคะ อย่าง Growth Hormone ที่หนุ่ม ๆ หลายคนคิดว่าจะดึงเอาความหนุ่มกลับมาด้วยการฉีด Growth Hormone ซึ่งถ้าฉีดเพียง Growth Hormone แต่ไม่มีการปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตให้เป็นไปตามแบบแผนการชะลอวัย ฮอร์โมนที่ฉีดเข้าไปหลาย ๆ หมื่นต่อเข็มก็อาจจะไม่ได้ทำงานของมันเท่าที่ควรหรือกลายเป็นฮอร์โมนแห่งความอ้วนไป ซึ่งเรื่องของฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการชะลอวัยก็มีอยู่อีกหลายตัวและมีรายละเอียดต่างกันค่ะ
ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่จำเป็นในศาสตร์ด้านการชะลอวัยนะคะ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และไม่หักโหมมากเกินไป เพราะจะส่งผลเสียเป็นชราวัยแทนนะคะ

นอนหลับ
การนอนให้ได้วันละ 7 – 8 ชั่วโมงต่อวันไม่เพียงพอในทางเวชศาสตร์ชะลอวัยนะคะ เพราะมากกว่านั้นการนอนของเราต้องเป็นการนอนหลับที่มีคุณภาพด้วย เริ่มต้นการนอนที่มีคุณภาพของเราด้วยการฝึกนอนให้หลับก่อน 4 ทุ่มของทุกวันนะคะ เพราะหากเกินกว่านั้นฮอร์โมนที่จำเป็นที่มีผลดีกับการชะลอวัยจะไม่มีการหลั่งออกมาอย่างเต็มที่หรืออาจจะไม่หลั่งเลย การซ่อมแซมร่างกายระหว่างนอนหลับก็แทบจะเกิดขึ้นไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็น

การนอนหลับเป็นเป็นเรื่องที่เราสามารถสร้างสุขภาพได้โดยแทบไม่มีต้นทุนเลยค่ะ เพียงแต่หลายคนพลาดเรื่องนี้ไป
รับมือกับความเครียด
เราจำเป็นจะต้องรับมือกับความเครียดให้เป็นนะคะ ซึ่งหากเรารับมือกับความเครียดได้เราจะเป็นคนที่สวยและรวยมากค่ะ เพราะถ้าเรามองว่าทุกความเครียดที่เข้ามาเป็นปัญหาที่เราสามารถแก้ได้นั่นก็คือเราสามารถช่วยเหลือผู้คน แล้วความเครียดมันก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานของเรา ทำให้งานของเราสำเร็จได้ เราจะต้องรับรู้ว่าความเครียดคืออะไรและวางมันหรือรับมือกับมันให้เป็นก็จะทำให้เราใช้ประโยชน์จากความเครียดได้มากมายเลยค่ะ
ในศาสตร์ด้านการชะลอวัยเชื่อว่า “ความชรา” ไม่ได้เกิดจากอายุเพียงอย่างเดียว แต่มีเหตุหลายอย่างที่ทำให้เราก้าวสู่ความชราหรือความแก่ไม่เท่ากัน หากเรารู้ถึงสาเหตุและวิธีการป้องกัน ปรับสมดุลใด้ทัน ก็จะสามารถชะลอความชราหรือป้องกันสภาวะเสื่อมความเจ็บป่วยบางอย่างไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคตได้
คำศัพท์ที่ต้องรู้เกี่ยวกับการชะลอวัย
ศัพท์ที่ต้องรู้คำแรกคือ “เวชศาสตร์ชะลอวัย” และอาจจะได้ยินคำว่า “วิทยาศาสตร์” หรือ “เวชศาสตร์“
เวชศาสตร์ชะลอวัย
เวชศาสตร์ก็จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับทางการแพทย์ ส่วนวิทยาศาสตร์จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับทางของพี่นกค่ะ เป็นพยาบาล เป็นด้วยความรู้เรื่องสุขภาพนะคะ ซึ่งมันคือวิทยาศาสตร์การแพทย์แขนงหนึ่งที่เน้นไปที่การป้องกันก่อนเกิดโรค มุ่งไปที่การปรับเปลี่ยนชีวิต วิธีการใช้ชีวิตของคนไข้เป็นหลักเพื่อเข้าสู่สภาวะสมดุล
เวชศาสตร์ฟื้นฟูสุขภาพ
เวชศาสตร์ฟื้นฟูสุขภาพจะเน้นในเรื่องการซ่อมแซม ฟื้นฟู สุขภาพที่เสื่อมไปแล้วหรือว่ามีโรคเกิดขึ้นแล้ว โดยมีเป้าหมายสูงสุดของเวชศาสตร์ฟื้นฟูสุขภาพคือการมีคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดอายุไข คือมีอายุยืน ร่างกายสามารถใช้การได้
ความชรา
ความชราคือผลสะสมของความเสื่อสภาพที่มีต่อเซลในร่างกาย ซึ่งนำไปสู่งความเจ็บป่วยและความตาย หรือเจ็บป่วยและตายก่อนเวลาอันควร
สาเหตุของความชราหรือความแก่
สาเหตุของความชรานี้มาจากหลายสาเหตุนะคะโดยสาเหตุหลัก ๆ ของความชราตามหลักวิทยาศาสตร์ก็คือ “อนุมูลอิสระ”
อนุมูลอิสระ – ปกติแล้วมนุษย์เราหายใจเข้าออก เอาออกซิเจนเข้าไปเผาผลาญอาหารที่เรารับประทานให้เกิดพลังงาน นอกจากพลังงานแล้ว ออกซิเจนที่เหลือจะเป็นอิเล็กตรอนอิสระที่สามารถทำปฏิกิริยากับเซลอื่น ๆ ให้เกิดความเสื่อมสภาพ หยุดการทำงาน ตาย หรือเป็นมะเร็งได้ เหล่านี้เรียกว่าเป็นการอักเสบลักษณะหนึ่ง
ภาวะพร่องฮอร์โมน – ภาวะพร่องฮอร์โมนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดความชรานะคะ โดยเมื่อคนเาอายุมากขึ้น ฮอร์โมนต่าง ๆ ที่ร่างกายเคยสร้างก็จะสร้างน้อยลง หรือมาจากวิธีการใช้ชีวิตบางอย่างก็จะทำให้ฮอร์โมนพร่องได้เช่นกัน อย่างไทรอยด์ต่ำที่หลายคนชอบบ่นว่าแค่ดมอาหารก็อ้วนแแล้วก็ถือว่ามาจากการอักเสบเรื้อรังอย่างหนึ่งที่มีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการใช้ชีวิ
การอักเสบเรื้อรัง – การอักเสบเรื้อรังก้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความชราได้ อย่างที่มีไขมันในช่องท้องเยอะหรือที่เรียกว่า Visceral Fat ไขมันส่วนนั้นก็จะปล่อยสารอักเสบออกมาทำให้หลอดเลือดอักเสบ เมื่อหลอดเลือดอักเสบก็จะมีไขมันไปเกาะที่หลอดเลือดทำให้หลอดเลือดแข็ง และเป็นต้นเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองตีบ
น้ำตาลสะสมเยอะ – น้ำตาลก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แก่ไว้ขึ้นนะคะ เกิดจากการที่เรารับประทานน้ำตาลหรืออาหารจำพวกแป้งมาก ๆ เมื่อถูกย่อยกลายเป็นน้ำตาลไปแล้ว น้ำตาลจะไปทำปฏิกิริยากับโปรตีนในร่างกายหรือที่เรียกว่า “น้ำตาลเกาะโปรตีน” ทำให้โปรตีนในร่างกายเกิดการเสื่อมสภาพ
สารพิษจากสิ่งแวดล้อม – การสะสมของสารพิษจากสิ่งแวดล้อมที่เราต้องสัมผัส เช่น ควันบุหรี่ ฝุ่น PM2.5 สารพิษจากรังสีต่าง ๆ สารเคมี โลหะหนัก อาหารที่เรารับประทาน ซึ่งสารพิษจากแหล่งต่าง ๆ จะสะสมที่เซลร่างกายของเรา ทำให้เซลทำงานผิดปกติ ซึ่งก็คือการอักเสบแบบหนึ่งและทำให้เกิดความชรา
ภาวะเป็นกรด – ในทุกวันร่างกายจะสร้างความเป็นกรดอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากอาหารโปรตีนสูงที่เรารับประทานเข้าไป สามารถแก้ได้โดยการรับประทานโปรตีนจากพืชแทนนะคะ เพราะโปรตีนจากพืชมีความเป็นด่าง
การเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน – สิ่งนี้เป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องเกิดกับทุกคน ซึ่งการเผาผลาญพลังงานจะเกิดความเป็นกรดขึ้นมา ซึ่งร่างกายก็จะมีกลไกปรับสมดุลของกรดในร่างกายด้วยอวัยวะต่าง ๆ อย่าเช่น ตับ ไต ปอด เป็นต้น ซึ่งถ้าหากร่างกายสร้างความเป็นกรดสูงเกินไป อวัยวะต่าง ๆ เหล่านั้นก็จะทำงานหนักขึ้น เสื่อมสภาพไวขึ้น
ภาวะเสื่อมสภาพของเซลต้นกำเนิด – เซลต้นกำเนิดหรือที่เราได้ยินกันในชื่อ “สเต็มเซล” ซึ่งเมื่อเราอายุมากขึ้นเซลต้นกำเนิดของเราก็จะเสื่อมสภาพลง ที่สังเกตได้ง่าย ๆ ก็คือเมื่อตอนเราเด็ก เราป่วยไม่นานก็จะหายแล้ว แต่เมื่ออายุมากขึ้นแล้วมีการเจ็บป่วย ก็จะหายช้าลง การซ่อมแซมก็น้อยลงกว่าปกติ
กินอยู่อย่างไรให้ห่างใกลโรค
เราทำความรู้จักกับสาเหตุที่จะทำให้เราชราไว้ขึ้นกว่าปกติกันแล้วนะคะ ทีนี้เราจะมาทำความรู้จักกับการใช้ชีวิตที่จะทำให้ร่างกายของเราเสื่อมช้าลงกันค่ะ
เลือกรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ
อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เข้าใจกันง่าย ๆ ก็คือ “ไม่หวาน” นั่นเองค่ะ อย่างระหว่างผักกับผลไม้ก็ให้เราเลือกรับประทานผักให้บ่อยกว่าผลไม้ หากต้องรับประทานน้ำตาลก็ให้เลือกรับประทานน้ำตาลที่มาจากธรรมชาติ
ให้ชีวิตอ่อนหวานที่สุด
ลดปริมาณอาหารที่มีแคลอรีสูง
อาหารทอด กรอบ กรุบ กรอบ กระป๋อง กล่อง ซอง ไขมันทรานส์นี้ไม่ควรรับประทานเลยค่ะ ซึ่งเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงและไม่มีประโยชน์ด้วย ซึ่งเมื่อเกิดความอ้วน ความอ้วนก็จะทำให้เกอกความอักเสบและความอักเสบทำให้แก่เร็วนะคะ โดยยังไม่ต้องพูดถึงความร้ายกาจของไขมันทรานส์เลยค่ะ
รับประทานอาหารไขมันดี
ไขมันมีทั้งดีและไม่ดีนะคะ การมีไขมันในประมาณที่พอดีจะทำให้เราสุขภาพดีด้วยค่ะ จะหลั่งสารช่วยต้านการอักเสบให้กับร่างกายของเราด้วย ไขมันที่ดีก็คือไขมันไม่อิ่มตัวทั้งหลายส่วนไขมันอิ่มตัวก็สามารถรับประทานได้นะคะ แต่อย่ารับประทานเยอะเกินไป และไขมันที่มีโทษอย่างไขมันทรานส์คือห้ามทานเลยนะคะถ้าต้องการมีสุขภาพดี
รับประทานอาหารที่เป็นปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง
เป้าหมายของการรับประทานปลาของเราคือโอเมกา 3 ที่มักมีอยู่ในปลาทะเลน้ำลึก แต่ปลาน้ำจืดของเราก็มีอยู่มากนะคะ และมีงานวิจัยรับรองเรื่องโอเมก้า 3 ในเนื้อปลาน้ำจืดอย่างปลาดุก ปลายสวาย ปลาช่อน และปลาอื่น ๆ อีกด้วย หรือจะเลือกเป็นการรับประทานโอเมก้า 3 เสริมก็ได้ค่ะ
รับประทานโปรตีน ผักสด ผลไม้
รับประทานโปรตีน ผักสด ผลไม้ ซึ่งโปรตีนควรจะเป็นโปรตีนจากพืชนะคะจะช่วยให้เราอ่อนเยาว์กว่าการเลือกรับประทานโปรตีนจากสัตว์
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วต่อวันอาจจะเพียงพอสำหรับบางคน แต่ก็อาจจะไม่เพียงพอสำหรับบางคนเช่นกันค่ะ ซึ่งการดื่มน้ำให้เพียงพอที่จะขับสารพิษออกนั้นคิดแบบคร่าว ๆ ง่าย ๆ ได้โดยการนำน้ำหนักตัวหน่วยเป็นกิโลกรัมคูณด้วย 30 ก็จะได้ปริมาณน้ำคร่าว ๆ ที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายในหน่วยมิลลิลิตรค่ะ
น้ำที่ร่างกายต้องการ (มิลลิลิตร) = น้ำหนัก (กิโลกรัม) x 30
นกเองที่หนัก 50 กิโลกรัม ร่างกายของนกก็จะมีความต้องการน้ำโดยประมาณที่ 50 x 30 คือประมาณ 1,500 มิลลิลิตร (1.5 ลิตร) และวิธีในการดื่มน้ำก็คือให้ดื่มไปเรื่อย ๆ ระหว่างวันโดยไม่จำเป็นต้องรอให้เรากระหายน้ำนะคะ เพราะเมื่อไหร่ที่เรากระหายน้ำนั่นหมายความว่าร่างกายของเราขาดน้ำไปแล้ว
ส่วนเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องเกี่ยวกับการนอนหลับให้มีคุณภาพก็ก็การหลับลึก แต่เราไม่สามารถวัดด้วยตัวเองได้ว่าเราหลับลึกหรือไม่ นกจึงให้ความสำคัญกับการนอนก่อน 4 ทุ่มและนอนให้ได้ 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน เพราะเป็นสิ่งที่เกือบทุกคนสามารถทำได้ง่ายค่ะ
หลีกเลี่ยงสารเสพย์ติด
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วนะคะว่าสารเสพติดมีพลังในการทำลายสุขภาพ ทำลายร่างกาย ทำลายสมอง มากแค่ไหน
ใช้วิตามินและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ
การเลือกใช้วิตามินและสารอาหารเพื่อสุขภาพไม่ใช่เชื่อตามคำโฆษณานะคะ ควรทำการตรวจร่างกายตรวจเลยโดยแพทย์เพื่อรับคำแนะนำว่าร่างกายของเราขาดอะไรก่อนค่ะ จึงจะเลือกใช้วิตามินหรืออาหารเสริม
ออกกำลังกายชะลอวัย
เราต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแต่ไม่ออกกำลังกายมากเกินไปอย่างที่ได้กล่าวไว้ในตอนต้นนะคะ เพราะนอกจากจะไม่ช่วยชะลอวัยให้กับเราแล้ว ยังทำให้เราชราวัยเร็วขึ้นไปอีกค่ะ
นอนหลับต้านความแก่
การนอนหลับเพื่อการชะลอวัยจะต้องนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 7 – 8 ชั่วโมง และต้องพยายามฝึกนอนให้หลับก่อน 4 ทุ่มนะคะ เพื่อร่างกายจะได้รับการฟิ้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ
ทุกอย่างที่กล่าวมาและในเรื่องของการกินเราควรจะรับประทานพืชโดยเฉพาะอาหารไทยต้านอักเสบ เพราะเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ และนกก็ให้ความสำคัญกับการกิน ทำงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องของอาหารการกินอาหารไทยเน้นพืชต้านอักเสบ และนกอยากจะให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณผู้รักสุขภาพทุกท่านใช้วิถี ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ บวกกับผลงานการวิจัยวิทยาศาสตร์ชั้นนำ มาดูแลสุขภาพของเรา และนำวิธีการนี้ไปสู่เพื่อนทุกคนทั่วโลกให้มีสุขภาพดี