สัญญาณเตือนว่าร่างกายของคุณอาจกำลังขาดวิตามินดี
ถ้าพูดถึงแหล่งของวิตามินดี แสงแดดในเมืองไทยจัดว่าเป็นแหล่งให้วิตามินดีที่ดี แต่เราก็มักหลีกเลี่ยงแสงแดดกัน นั่นจึงเป็นเหตุให้คนไทยขาดวิตามินดี วันนี้นกอยากให้เรามาลองมาเช็คกันหน่อยดีมั้ยคะถึงสัญญาณเตือนว่าร่างกายคุณขาดวิตามินดีนั้นเป็นอย่างไรและส่งผลอะไรต่อสุขภาพบ้าง
วิตามินดี จัดเป็นสารสเตียรอยด์ฮอร์โมนชนิดหนึ่ง ภาวะขาดวิตามินดีสามารถพบเห็นได้มากอย่างไม่น่าเชื่อใน ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เชื่อว่าไม่เป็นอันตราย เนื่องจากพวกเขาบริโภคอาหารเสริมที่อุดมไปด้วยวิตามินดี เช่น นม เป็นต้น อันที่จริงมีอาหารเพียงไม่กี่ชนิดที่มีวิตามินดีสูง แต่ก็ไม่ได้สูงพอตามที่ร่างกายต้องการค่ะ
ร่างกายจะได้รับวิตามินดีจาก 2 แหล่ง คือ การสังเคราะห์ของร่างกายจากแสงแดดประมาณ 80% และจากอาหารประมาณ 10-20% และพบว่าคนไทยมีภาวะขาดวิตามินดีเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าเมืองไทยเป็นเมืองร้อน มีแสงแดด แต่คนส่วนใหญ่มักจะงดกิจกรรมกลางแจ้ง และนิยมทาครีมกันแดด ซึ่งจะขัดขวางการผลิตวิตามินดี ความสำคัญของวิตามินดี มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะวิตามินดีนอกจากทำหน้าที่ร่วมกับแคลเซียมในการสร้างกระดูกและฟัน แล้ว ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายด้วย และการศึกษาพบว่าวิตามินดียังช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็งด้วยค่ะ
สัญญาณเตือนว่าคุณอาจอยู่ในภาวะขาดวิตามินดี
ทางเดียวที่จะทำให้รู้ว่าเราขาดวิตามินดีหรือไม่คือการตรวจเลือด อย่างไรก็ตามยังมีอาการและสัญญาณเตือนที่จะบอกให้รู้ได้ด้วยเช่นกันว่า หากเรามีอาการดังต่อไปนี้ก็ควรไปตรวจระดับวิตามินดีให้เร็วที่สุด
ปวดกระดูก
ภาวะขาดวิตามินดีจะทำให้การถ่ายเทแคลเซียมผสมกับคอลลาเจนเข้าไปในโครงกระดูกบกพร่อง ผลที่ตามมาคือเราจะรู้สึกปวดกระดูก บางครั้งผู้ที่ไปพบแพทย์เนื่องจากมีอาการปวดและมีอาการเหนื่อยล้าร่วมด้วยอาจถูกวินิจฉัยโรคผิดว่าเป็นโรคปวดกล้ามเนื้อหรืออาการอ่อนล้าเรื้อรัง ซึ่งอาการเหล่านี้มีลักษณะคล้ายๆกับภาวะขาดวิตามินดี
รู้สึกซึมเศร้า
เซโรโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนสมองและมีความสัมพันธ์กับอารมณ์ ซึ่งจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อสัมผัสกับแสงสว่างและลดลงเมื่อไม่ถูกแสงแดด มีการศึกษาพบว่าวิตามินดีจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ป่วยสูงอายุ และผู้ที่มีระดับวิตามินดีต่ำมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าผู้ที่ได้รับวิตามินดีปกติถึง 11 เท่า
น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
วิตามินดีเป็นวิตามินที่คล้ายกับฮอร์โมนและละลายในไขมันได้ ซึ่งหมายความว่าไขมันในร่างกายจะทำหน้าที่เป็น “อ่าง” โดยการสะสม ซึ่งการศึกษาพบว่า ร่างกายขาดวิตามินดีนั้นจะทำให้มีน้ำหนักตัวมากขึ้น และเช่นเดียวกันหากคุณมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนก็มีแนวโน้มที่จะต้องการวิตามินดีมากกว่าคนที่มีรูปร่างผอมบางกว่า
อายุ 50 ปีขึ้นไป
เมื่อเราอายุมากขึ้น การทำงานของระบบต่างๆก็เสื่อมถอยลงไปด้วย รวมทั้งผิวหนัง ผิวหนังเป็นด่านแรกในการสังเคราะห์วิตามินดี เมื่อมีอายุมาก การทำงานของผิวหนังจะตอบสนองต่อแสงแดดได้น้อยลง ขณะเดียวกันไตก็จะมีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนวิตามินดีให้อยู่ในรูปแบบที่ร่างกายต้องการน้อยลง
ปัญหาระบบทางเดินอาหาร
ผู้ที่มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการดูดซึมอาหารของลำไส้ และโรคกลุ่มอาการลำไส้อักเสบเรื้อรัง เช่น โครห์น (Crohn’s), โรคเซลิแอค(Celiac Disease), โรคแพ้กลูเต็น ซึ่งความผิดปกติการดูดซึมของลำไส้นี้ อาจส่งผล กระทบต่อความสามารถในการดูดซึมไขมันด้วย และการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันได้อย่างวิตามินดีก็จะลดลงตามไปด้วยค่ะ
เหงื่อออกที่ศีรษะ
เป็นหนึ่งในอาการของผู้ที่ขาดวิตามินดี คือมีเหงื่อออกที่ศีรษะ ขณะเดียวกันอาการเหงื่อออกที่ศีรษะของเด็กทารกเกิดจากความไวในการตอบสนองของกล้ามเนื้อประสาท ซึ่งเป็นอาการเริ่มแรกของภาวะขาดวิตามินดีค่ะ
เราสามารถเสริมวิตามินได้ 3 ทางค่ะ
① การสังเคราะห์ของร่างกายจากแสงแดด คำแนะนำของสถาบันสุขภาพแห่งชาติอเมริกัน (US-NIH) บอกว่าถ้าตากแดดช่วง 10.00-15.00 น. นาน 5-30 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยให้แดดถูกหน้า แขน ขา หรือแผ่นหลัง ขณะที่ไม่ได้ทาครีมกันแดด จะได้วิตามินดีมากพอตามที่ร่างกายต้องการ
② อาหารที่มีวิตามินดี ได้แก่ ปลาแซลมอน, ปลาทู, ปลาทูน่า, ปลาแมคเคอเรล, ปลาซาดีน, น้ำมันตับปลา, ไข่, เห็ดหอม, นม, โยเกิร์ต, และเมล็ดธัญพืช
③ อาหารเสริม ควรได้รับในปริมาณที่เหมาะสม หากรับประทานวิตามินดีมากเกินขนาด ก็อาจทำให้เกิดพิษได้ ทางที่ดีที่สุดควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับในปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกายนะคะ
แวะมาคุยเรื่องสุขภาพกับนกได้ที่แฟนเพจ Facebook: Health Society by Nok Chalida ที่อินสตาแกรม NokHealthSo หรือ Line Official: @HealthSocieity นะคะ และอย่าลืม Subscribe รายการ Health Society by Nok Chalida ทาง YouTube พร้อมชมรายชมรายการ “เฮลท์โซไซตี้” ด้วยกันนะคะ